Review : The Gunman

The Gunman เป็นผลงานล่าสุดของ Pierre Morel ผู้กำกับหนังชุดเรื่องดังอย่าง Taken ที่เป็นหนังแอ็กชั่นในดวงใจใครหลายๆ คน เรื่องราวว่าด้วย มือสังหารรับจ้างยอดพระกาฬ จิม เทอร์เรียร์ นำแสดงโดย Sean Penn ที่รับงานลอบสังหารรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรของคองโก จนต้องหลบหนีออกไปนอกประเทศ และต้องทิ้งคนรักเอาไว้กับเพื่อนสนิท และงานครั้งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกผิดมาตลอด เพราะกระสุนสังหารหนนั้นได้กลายเป็นชนวนเหตุ ที่ทำให้คองโกระอุกับสงครามกลางเมือง 8 ปีต่อมา จิม ได้มาทำงานกับ NGO ส่วนหนึ่งก็เพื่อชดเชยความผิด และทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นคล้ายกับการไถ่บาท แต่แล้วเขากลับถูกนักฆ่ารับจ้างมาไล่ล่าสังหาร ถึงตอนนี้เขาเลยต้องหาทางสืบว่าใครกันแน่ที่คิดจะฆ่าเขา จิม จำเป็นต้องกลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง และครั้งนี้เขายังย้อมกับไปหาเพื่อนสนิทเพื่อตามรอยคนที่ไล่ล่า จนได้พบว่าแท้ที่จริงนั้นความจริงก็โหดร้ายนัก พร้อมกับการเผชิญหน้าอีกครั้งหลังจาก 8 ปี ที่เขาทิ้งคนรักเอาไว้

จุดเด่น
โดยรวมหนังออกมาได้แอคชั่นสมใจ มีความตื่นเต้นเร้าใจได้เรื่อยๆ ตามสไตล์ หนังแอคชั่นของ Pierre Morel มีประเด้นที่พูดถึงเรื่องการเมืองบ้าง ให้พอน่าสนใจ หนังออกแนวระทึกขวัญตามสืบตามหาความลับ กับทริคต่างของยอดนักฆ่ารับจ้าง
จุดด้อย
ที่จริงเรื่องนี้มีจุดด้อยเยอะนะ อย่างแรกเลยคือ Penn ไม่เหมาะกับบทมือสังหารเพราะความแก่ที่มากเกินไป ดูแล้วใกล้จะปลดระวางเป็นที เขาเล่นได้ดี เพียงแต่ลักษณะทางกายภาพมันไม่อำนวย หากว่าจะเอาไปเปรียบ กัย เลียม นิลสัน มันก็ดูจะโดนกินขาดไปหลายช่วงตัว ดาราสมทบที่จริงแล้วเป็นมือดีหลายคน แต่บทไม่อำนวยทำให้ขาดพลัง และไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่
สรุป: 6.5/10
บอกเลยว่าใครมุ่งหวังแอ็กชันมันส์ๆ ต้องทำใจ เพราะหนังไม่ได้เน้นที่การต่อสู้ หรือฉากยิงเหรี้ยงปร้างสักเท่าไหร่ แต่เน้นไปที่ประเด็นการเมืองซะมากกว่า หนังจะออกแนวระทึกขวัญปนการเมือง พล็อตของหนังดูจะเดาง่าย คล้ายสูตรสำเร็จทั่วไป ในแง่การสืบสวนตามปมก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร จนทำให้ความยาวของหนังที่เกือบจะ 2 ชั่วโมงดูยืดยาดมากเกินไป สรุปว่าเรื่อยๆ เรื่องนี้ เหมาะสำหรับคอสืบสวนที่มีแอ็กชัน และดราม่า ผสมกับแบบนิดๆ หน่อยๆ แต่อย่าคาดหวังอะไรมากจากชื่อของ Pierre Morel ที่จริงแล้วตอนเปิดหนัง มันมีเรื่องที่น่าจะจับเอามาตีได้อย่างเข้มข้น คือเรื่องของ การแทรกแซงทางการเมือง และเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ แต่กระนั้นเรื่องราวกับเน้นไปที่แอคชั่นมากกว่า แต่ก็ยังทำออกมาได้ไม่สุดเท่าที่ควร ไม่เหมือน TAKEN ที่ชอบมากๆ